วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2557

เที่ยวสวนลิ้นจี่ อัมพวา หอมหวานกับธรรมชาติอันล้ำค่า กับ ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา สมุทรสงคราม


ลิ้นจี่ เป็นไม้ยืนต้น จัดอยู่ในตระกูล Sapindaceae เป็นไม้กึ่งเมืองหนาว เป็นพืชตระกูลใหญ่ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า litchi chinensis และมีชื่อสามัญว่า litchi มีหลักฐานยืนยันได้ว่าลิ้นจี่ที่ สมุทรสงคราม เป็นลิ้นจี่ที่มาจากเมืองจีน โดยพ่อค้าชาวจีนได้นำผลลิ้นจี่เข้ามาขาย หรือนำมาฝากญาติพี่น้องชาวจีนด้วยกัน ที่อาศัยอยู่ตามลุ่มแม่น้ำแม่กลองและแควอ้อม ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งในขณะนั้นแม่กลองเป็นเมืองหนึ่งที่ขึ้นอยู่มณฑลราชบุรี หรือที่ทำการของมณฑลราชบุรีในสมัยนั้น

การปลูก ลิ้นจี่ ในจังหวัดสมุทรสงคราม เริ่มต้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2340 ที่ ตำบลบางสะแก อำเภอบางคนที และ ตำบลเหมืองใหม่ อำเภออัมพวา และยังคงมีต้นลิ้นจี่ที่มีอายุถึง 200 ปี ให้เห็นในทุกวันนี้ รวมพื้นที่เพาะปลูกลิ้นจี่ในจังหวัดสมุทรสงครามทั้งสิ้นประมาณ 5,380 ไร่ พันธุ์ที่นิยมปลูกกันมากจนทำชื่อให้กับจังหวัด สมุทรสงคราม คือ พันธุ์ค่อมลำเจียก แต่ก็ยังมีพันธุ์อื่นๆด้วย เช่น กะโหลก ใบยาว จีน ไทย สำเภาแก้ว และสาแหรกทอง 

เป็นเวลากว่าร้อยปีที่ชาว สวนลิ้นจี่ จ.สมุทรสงคราม สามารถพัฒนาสายพันธุ์ของตนเอง รสชาติจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างความโดดเด่นในแง่ของรสชาติให้กับ “ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม” ผู้เป็นราชินีแห่งลิ้นจี่เมืองสมุทรสงคราม นอกจากนี้ โดยที่ลักษณะของต้นลิ้นจี่ในจังหวัดสมุทรสงคราม จะมีต้นที่ไม่ค่อยสูง เป็นพุ่มแจ้ให้ผลดก จึงได้ชื่อว่า ค่อม หรือ อีค่อม


ลักษณะเด่นของ ลิ้นจี่พันธุ์ค่อม สมุทรสงคราม คือ
1.ผลลิ้นจี่จะมีสีแดงสด ค่อนข้างกลม มีลักษณะบ่าสูง
2.หนามตั้ง เมื่อผลลิ้นจี่แก่จัดได้ที่ หนามลิ้นจี่จะไม่แหลมสูง 
แต่จะมีลักษณะราบลง และอยู่ห่างกันไม่เป็นกระจุก
3.หนังตึง ลิ้นจี่ที่แก่จัดได้ที่จะมีสีแดงสด (เข้มเหมือนสีน้ำหมาก) ค่อนข้างกลม
หล่ผลจะสูง ลักษณะขอบเปลือกบางตึง
4.เนื้อเต่ง เนื้อลิ้นจี่จะมีสีขาวขุ่น เนื้อหนากรอบ เนื้อแห้งไม่แฉะ มีกลิ่นหอม รสหวาน
5.ร่องชาด คำนี้เป็นภาษาของชาวสวนหมายถึง สีของเปลือกด้านในของลิ้นจี่ เมื่อปลอกเปลือกออกแล้วจะเป็นเห็นเป็นสีชมพูตั้งแต่ขั้วผลจนถึงกลางผล จะเป็น ลิ้นจี่ค่อม ที่มีรสชาติอร่อยที่สุด


ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ขอเชิญท่องเที่ยวชื่นชมวิถีชิวิตของชาวสวนลิ้นจี่ ในจังหวัดสมุทรสงคราม เพลิดเพลินกับธรรมชาติอันหวานหอม ในแบบที่คุณจะต้องประทับใจมิรู้เลือน


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 


โทร. 084-0857544 และ 084-0982118







วันจันทร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2556

ท่าเรืออัมพวา ท่องเที่ยวสนุกและคุ้มค่า ต้อง ท่าเรือจ่าภิญโญ


ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

ขอเชิญท่องเที่ยว ชื่นชมวิถีชิวิตริมน้ำ ของชุมชนชาวอัมพวา

อิ่มกาย สบายตา ไปกับ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำยามเย็นแห่งแรกของเมืองไทย

และ นั่งเรือชมความงดงามของหิ่งห้อย สิ่งมหัศจรรย์ตัวน้อยในยามค่ำคืน



คิดจะเที่ยวอัมพวา คิดถึงจ่าภิญโญ

ติดต่อท่าเรืออัมพวา ติดต่อท่าเรือจ่าภิญโญ

*************************

สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวอัมพวาได้ที่

ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

084-0857544 และ 084-0982118


วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ท่าเรืออัมพวา เที่ยวตลาดน้ำ กับ ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา


















คิดจะเที่ยวอัมพวา คิดถึงจ่าภิญโญ

ติดต่อท่าเรืออัมพวา ติดต่อท่าเรือจ่าภิญโญ















ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 

ขอเชิญท่องเที่ยวชื่นชม วิถีชิวิตชุมชนชาวอัมพวา

อิ่มกาย สบายตา ไปกับ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำยามเย็นแห่งแรกของไทย

และ นั่งเรือชม หิ่งห้อย สิ่งมหัศจรรย์ตัวน้อยในยามค่ำคืน
















สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวอัมพวาได้ที่

ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

084-0857544 และ 084-0982118





วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตลาดน้ำอัมพวา ไหว้พระ โฮมสเตย์ ดูหิ่งห้อย ล่องเรือ ต้องท่าเรือจ่าภิญโญ


ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม 

ขอเชิญท่องเที่ยวชื่นชม วิถีชิวิตชุมชนชาวอัมพวา 

อิ่มกาย สบายตา ไปกับ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำยามเย็นแห่งแรกของไทย 

และ นั่งเรือชม หิ่งห้อย สิ่งมหัศจรรย์ตัวน้อยในยามค่ำคืน







* สอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวอัมพวาได้ที่


ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา จ.สมุทรสงคราม


084-0857544 และ 084-0982118



วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วัดบางแคน้อย ความวิจิตร แห่ง แม่น้ำแม่กลอง

วัดบางแคน้อย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง คุณหญิงจุ้ย (น้อย) วงศาโรจน์ เป็นผู้สร้างไว้เมือ พ.ศ.2441 เดิมอุโบสถของวัดสร้างบนแพไม้ไผ่ผูกไว้กับต้นโพธิ์ ต่อมา พระอธิการรอด เจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ได้สร้างอุโบสถบนพื้นดิน ในปี พ.ศ.2418 ต่อมาอุโบสถหลังเดิมได้ชำรุดทรุดโทรม พระอธิการเขียว เจ้าอาวาสองค์ที่ 6 ได้สร้างอุโบสถขึ้นใหม่ ใรปี พ.ศ.2492 จนกระทั่งปี พ.ศ.2540 อุโบสถหลังเดิมเกิดชำรุดอีก เนื่องจากขาดแคลนวัสดุและคุณภาพ เพราะตอนสร้างอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พระครูสมุทรนันทคุณ (แพร) จึงได้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น

อุโบสถภายในเป็นไม้สัก แกะสลักได้อย่างงดงาม และหาดูได้ยาก เนื่องจากต้องใช้งบประมาณ เวลาและฝีมือการแกะสลักที่ปราณีตบรรจง โดยใช้ช่างที่มีความชำนาญ




- ไม้มะค่าโมงซึ่งใช้เป็นแท่นรองพระประธานมีขนาดใหญ่ กว้าง 2 เมตรครึ่ง ยาว 3 เมตร หนา 4 นิ้ว
- ชุกชีพระประธานเป็นไม้แกะสลักในทรงจอมแห
- พื้นอุโบสถปูด้วยไม้ตะเคียนทอง หนา 2 นิ้ว กว้าง 40-44 นิ้ว
- ฝาผนังพื้นเป็นไม้แกะสลัก หนา 3 นิ้ว แกะสลักเป็นรูปคน สัตว์ ต้นไม้ และแกะเสริม รวมหนาถึง 6 นิ้ว
- ฝาผนังด้านตรงข้ามพระประธานเป็นไม้แกะสลักรูปปางชนะมาร
- ฝาผนังด้านซ้าย ขวา ของพระประธานเป็นไม้แกะสลักรูปพระเจ้าสิบชาติ
- ฝาผนังด้านหลังพระประธานเป็นไม้แกะสลัก การประสูติ ตรัสรู้ นิพพาน
- ฝาผนังใต้ธรณีหน้าต่าง 2 ข้าง แกะสลักฝังด้วยไม้โมกมันรูปพระเวสสันดร จั่วด้านหน้าและหลังเป็นไม้แกะสลัก ด้านข้างทั้งสองเป็นคูหาหลงรักปิดทอง คันทวยเป็นไม้ลงรักปิดทอง



จากรายละเอียดดังกล่าว จะเห็นได้ว่า เป็นอุโบสถที่มีความสวยงาม มีคุณค่าทางด้านศิลปะเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่างแกะสลัก เป็น ช่างฝีมือจากเพชรบุรี ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านแกะสลักไม้เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงถือว่า อุโบสถวัดบางแคน้อย เป็นศิลปะสถานที่มีคุณค่ามาก และถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงครามอีกด้วย

นอกจากนี้ทางวัดได้จัดสร้างบุษบงแท่นวัชรอาสนะ เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ และภายในกุฏิยังมีหุ่นขี้ผึ้งของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี อีกด้วย


สอบถามรายละเอียดการเดินทาง ได้ที่

ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา โทร. 084-0857544 และ 084-0982118


วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

วัดบางกุ้ง Unseen Thailand แห่ง สมุทรสงคราม

วัดบางกุ้ง ตั้งอยู่ที่ตำบลบางกุ้ง อ.บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม อยู่ในเขตพื้นที่เดียวกับ ค่ายบางกุ้ง แต่อยู่คนละฝั่งกัน มีถนนตัดผ่านกลาง วัดบางกุ้งนี้มีความมหัศจรรย์อยู่ที่ โบสถ์ของวัดจะถูกปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้วัดบางกุ้งแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand โดยภายในวัดมีโบสถ์เก่าประดิษฐาน หลวงพ่อพุทธมณีนิล พระประธานเป็นพระพุทธรูปปั้นขนาดใหญ่ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่เคารพบูชาของคนในท้องถิ่น

รวมไปถึงชาวไทยที่มาจากทั่วทุกสารทิศซึ่งมาสักการะ และชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้ นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยปลายกรุงศรีอยุธยาแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม และภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ในซุ้มขนาบข้างด้วยอัครสาวกนั่งพนมมือ

วัดบางกุ้งเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งค่ายรบโบราณที่มีความสำคัญ ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ทรงให้กองทัพเรือมาตั้งค่ายกำแพงล้อมที่วัดบางกุ้งแห่งนี้ เพื่อรบกับทัพข้าศึก เรียกว่า "ค่ายบางกุ้ง" จนภายหลังจากที่กรุงศรีอยุธยาได้แตกลงแล้ว พระเจ้าตากสินทรงโปรดให้ฟื้นค่ายบางกุ้งแห่งนี้อีกครั้งโดยให้ตั้งกองทหารชาวจีนมารักษาค่ายไว้ และใช้เป็นที่รับศึกทัพพม่า โดยทรงยกกองทัพเสริมมาช่วยตีข้าศึกจนแตกพ่ายไปในสงครามครั้งแรกกับพม่า นับแต่สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ซึ่งได้สร้างขวัญและกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยได้อย่างมาก

ปัจจุบันมีผู้ที่เดินทางมาสักการะหลวงพ่อดำในโบสถ์ปรกโพธิ์แห่งนี้จำนวนมาก ด้วยความเชื่อที่ว่าบารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยในอุปสรรคทั้งปวง

การเดินทาง ใช้เส้นทางสายสมุทรสงคราม-บางนกแขวก (เส้นทางเดียวกับอุทยาน ร. 2) ก่อนถึงอาสนวิหารแม่พระบังเกิด เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานสมเด็จพระอัมรินทร์ แล้วเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ตรงไปประมาณ 6 กิโลเมตร

หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 

ท่าเรือจ่าภิญโญ อัมพวา โทร. 084-0857544 และ 084-0982118


วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

หิ่งห้อยน้อย แห่ง อัมพวา

"หิ่งห้อย" นับว่าเป็นแมลงมีคุณลักษณะพิเศษ คือ สามารถบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์ และสมดุลของธรรมชาติได้ โดยเฉพาะมีคุณสมบัติที่สามารถใช้เป็น “ตัวห้ำ” ในการควบคุมศัตรูพืชตามหลักการทางชีวภาพ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การเกษตรกรรม ซึ่งเป็นวิถีชีวิตหลักของคนไทย

ในอดีตบริเวณปากคลองบางลำพู เคยมีหิ่งห้อยเป็นจำนวนมาก แต่ก็หมดไป เมื่อวิถีชีวิตของผู้คนแถบนั้นเปลี่ยนไป เมื่อ พ.ศ. 2542 กรมศิลปากรร่วมกับกรุงเทพมหานครได้บูรณะป้อมพระสุเมรุ และบริเวณจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะสันติชัยปราการ และสร้างพระที่นั่งสันติชัยปราการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเปิดให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเข้าพักผ่อนหย่อนใจน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล ได้มีการปลูกต้นลำพู และเลี้ยงหิ่งห้อย เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์ เป็นการฟื้นฟูวิถีชีวิตบางลำพูในอดีตด้วย

สถานที่ชมหิ่งห้อยที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันมากที่สุด คือ "ริมคลองตลาดน้ำอัมพวา" อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม ควรเลือกชมในคืนเดือนมืด เพราะเห็นแสงของหิ่งห้อยได้ชัดเจน


* ข้อแนะนำสำหรับการชมหิ่งห้อย

- ช่วงเวลาหรือฤดูกาลที่เหมาะสม โดยปกติแล้วหิ่งห้อยจะมีตลอดทั้งปี แต่จะมากในฤดูร้อน และฤดูฝน โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – ตุลาคม
- เลือกช่วงเวลาที่เป็นข้างแรม เนื่องจากแสงของหิ่งห้อยมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าเป็นเวลาข้างขึ้น ท้องฟ้าจะสว่าง ทำให้เห็นแสงของหิ่งห้อยไม่ชัดเจน จึงควรเลือกวันที่ท้องฟ้ามืดมิด
- เลือกช่วงเวลาที่น้ำมาก จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้ทะเล น้ำจะขึ้น-ลง อยู่ตลอดเวลา ควรจะเลือกวันที่น้ำมาก เพราะเรือสามารถเข้าไปใกล้กับต้นลำพูซึ่งหิ่งห้อยเกาะอยู่ ทำให้สามารถเห็นแสงของหิ่งห้อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- เลือกผู้ให้บริการ การล่องเรือชมหิ่งห้อยในยามค่ำคืน เรือจะวิ่งไปตามแม่น้ำและลำคลองที่มืด หิ่งห้อยจะมีอยู่เป็นจุดๆ ในบริเวณที่แตกต่างกัน ถ้าหากผู้ให้บริการไม่มีความชำนาญในเส้นทาง และรู้แหล่งที่อยู่ หรือให้บริการในเส้นทางที่สั้นเกินไป ย่อมทำให้นักท่องเที่ยวเห็นหิ่งห้อยได้น้อยกว่าที่ควร


อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพฯ มากนัก ดังนั้นการเดินทางมาเที่ยวและพักผ่อนที่อัมพวา จึงเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่ท่านจะได้สัมผัสถึงกลิ่นไอธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนริมน้ำอย่างแท้จริง 



*************************

สอบถามข้อมูลการล่องเรือชมหิ่งห้อยได้ที่ 

ท่าเรือจ่าภิญโญ อัพวา โทร. 084-0857544 และ 084-0982118